ประวัติมวยไทยสมัยรัตนโกสินทร์

มวยไทยสมัยรัตนโกสินทร์

กีฬามวยไทยได้รับความนิยมมากในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ยุคที่นับว่าเฟื่องฟูที่สุดคือ รัชกาลที่ 5 พระองค์ได้ศึกษาฝึกฝนการชกมวยไทยและโปรดให้จัดการแข่งขันชกมวยหน้าพระที่นั่งโดยคัดเลือกนักมวยฝีมือดีจากภาคต่างๆ มาประลองแข่งขัน และพระราชทานแต่งตั้งให้มีบรรดาศักดิ์ ทั้งยังโปรดให้กรมศึกษาธิการ บรรจุการสอนมวยไทยเป็นวิชาบังคับ ในโรงเรียนฝึกหัดครูพลศึกษา มีการชกมวยถวายหน้าพระที่นั่งเป็นประจำจนถึงสมัย รัชกาลที่ 6 ที่วังสวนกุหลาบ ทั้งการต่อสู้ประลองระหว่างนักมวย กับครูมวยชาวไทยด้วยกัน และการต่อสู้ระหว่างนักมวย กับครูมวยต่างชาติ ในการแข่งขันชกมวยในสมัยรัชกาลที่ 6 ระหว่างมวยเลี่ยะผะ กังฟู ชาวจีนโพ้นทะเล ชื่อนายจี่ฉ่าง กับ นายยัง หาญทะเล ศิษย์เอกของ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ มีท่าจรดมวยแบบมวยโคราช ซึ่งเน้นการยืดตัวตั้งตระหง่านพร้อมที่จะรุกและรับโดยเน้นการใช้เท้าและหมัดเหวี่ยง และต่อมาได้เป็นแบบอย่างในการฝึกหัดมวยไทยในสถาบันพลศึกษาส่วนใหญ่ สมัย รัชกาลที่ 7 ในยุคแรกการแข่งขันมวยไทยใช้การพันมือด้วยเชือก จนกระทั่งนายแพ เลี้ยงประเสริฐ นักมวยจากท่าเสา จังหวัดอุตรดิตถ์ ต่อยนายเจียร์ นักมวยเขมร ด้วยหมัดเหวี่ยงควายถึงแก่ความตาย จึงเปลี่ยนมาสวมนวมแทน ต่อมาเริ่มมีการกำหนดกติกาในการชก และมีเวทีมาตรฐานขึ้นแห่งแรกคือเวทีมวยลุมพินีและเวทีมวยราชดำเนินจัดแข่งขันมวยไทยมาจนปัจจุบัน

แต่คำว่า มวยไทย มีมาใช้ในยุคหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายชาตินิยม ในยุคที่มี น.ต.หลวงศุภชลาศัย ร.น. เป็นอธิบดีกรมพลศึกษา มีการออกพระราชบัญญัติมวยไทย ซึ่งแต่เดิมมวยไทยจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามท้องถิ่น เช่น มวยโคราช, มวยไชยา คาสิโนออนไลน์ เว็บตรงและรวมถึงการก่อสร้างเวทีมวยมาตรฐานจวบจนปัจจุบัน คือ เวทีมวยลุมพินี และเวทีมวยราชดำเนิน

ครูมวยไทยที่มีชื่อเสียงในแต่ละยุค

ยุคอดีต

  • กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์
  • ยัง หาญทะเล
  • นิล ปักษี
  • หลวงวิศาลดรุณกร (อั๋น สาริกบุตร)
  • ครูสุนทร (กิมเส็ง) ทวีสิทธิ์ ค่ายทวีสิทธิ์[14]
  • ปรมาจารย์ตันกี้ ยนตรกิจ (เตี่ย) ค่ายยนตรกิจ
  • ครูเขตร ศรียาภัย

ยุคปัจจุบัน

  • ครูแสวง ศิริไปล่ (ว.พลศึกษา) – เสียชีวิตแล้ว
  • ครูบัว วัดอิ่ม (วัดอิ่ม) – เสียชีวิตแล้ว
  • ครูสนอง รักวานิช (ค่ายเมืองสุรินทร์) – เสียชีวิตแล้ว
  • ครูไฉน ผ่องสุภา (ค่ายศศิประภายิม) – เสียชีวิตแล้ว
  • ครูทองหล่อ ยาและ[15]
  • ครูชาติชาย (สำนักดาบอาทมาฎนเรศวร)
  • ครูแปรง ประธานมูลนิธิมวยไทยไชยาแห่งประเทศไทย[16]
  • ครูตุ๊ย ยอดธง เสนานันท์
  • ครูผจญ เมืองสนธิ์
  • ครูจรวย แก่นวงษ์คำ
  • ครูวิชิต ชี้เชิญ
  • ครูสงวน มีระหงษ์
  • ครูปราโมทย์ หอยมุกข์ (ค่ายหนองกี่พาหุยุทธ์) บุรีรัมย์
  • ครูเลาะห์ มะลิพันธ์ (ค่ายศิษย์ขุน) สงขลา
  • ครูครื้น อรัญดร (ค่ายชำณาญวารี) หาดใหญ่
  • ครูโพธิ์สวัสดิ์ แสงสว่าง
  • ครูหมู ผุดผาดน้อย วรวุฒิ
  • ครูชาญณรงค์ สุหงษา
  • ครูอำนวย เกษบำรุง (โรงเรียนมวยไทยนานาชาติ) รังสิต
  • ครูวิชิต ไพรอนันต์ (ฉลามขาว)
  • ครู สุรัตน์ เสียงหล่อ (ค่ายเดชรัตน์)
  • ครูยุทธนา วงษ์บ้านดู่
  • ครูเล็ก (บ้านช่างไทย)
  • ครูเจริญทอง เกียรติบ้านช่อง
  • ครูมัด (บ้านภูวศักดิ์)
  • ครูอาจารย์ชัย ศิริสูตร
  • ครูอำนาจ พุกศรีสุข
  • ครูทวีพงษ์ ชัยกูล ลุงรักชาติราชบุรี (ศูนย์ศึกษาพาหุยุทธ์ชาวสยาม)
  • ครูโด่ง รางพิกุลน้องโด่ง ดึงดาว

หลักการชกมวยไทย

มวยไทยถือเป็นกีฬาที่นิยมมากเช่นเดียวกับกีฬาฟุดบอลการชกมวยไทยที่ดี มีหลักสำคัญ คือ มีการป้องกัน ด้วยการยืน มั่นคง เข้มแข็ง สูงเด่น การตั้งแขนป้องกัน (การการ์ดมวย) และการเก็บคาง เปรียบเสมือนป้อมปราการ เท้าหน้า จรดชี้ไปข้างหน้าวางน้ำหนักครึ่งฝ่าเท้า เท้าหลัง วางทแยงเฉียงกว้างกว่าหัวไหล่วางน้ำหนักเศษหนึ่งส่วนสี่ไว้ที่อุ้งนิ้วหัวแม่โป้ง ขยับก้าวด้วยการลากเท้าหลังตามพร้อมที่จะหลอกล่อ ขยับเข้า ออก ตั้งรับและโจมตีตอบโต้ แขนหน้ายกกำขึ้นอย่างน้อยเสมอไหล่ หรือจรดสันแก้ม แขนหลังยกกำขึ้นจรดแก้ม ศอกทั้งสองข้างไม่กางออกและไม่แนบชิด ก้มหน้าเก็บคาง ตาเขม็งมองไปตรงหว่างอกของคู่ต้อสู้ พร้อมที่จะเห็นการเคลื่อนไหวทุกส่วน เพื่อที่จะรุก รับ หรือตอบโต้ด้วยแม่ไม้ ลูกไม้และการแจกลูกต่างๆ มีการเคลื่อนไหวที่องอาจมีจังหวะ มีการล่อหลอกและขู่ขวัญที่มีการเปรียบเทียบว่า “ประดุจพญาราชสีห์ และพญาคชสีห์” อาวุธมวยที่ออกไป ต้องมีเป้าหมายและจุดประสงค์แน่นอน แต่มักซ้อนกลลวงไว้ มีการต่อสู้ระยะไกล วงนอก และระยะประชิด วงใน และมีทีเด็ดทีขาดในการพิชิตคู่ต่อสู้

และแม่ไม้มวยไทย เป็นท่าต่อสู้ของวิชามวยไทยที่สำคัญที่สุด

เข้าเล่น

สมัครสมาชิก